Menu
Forums
New posts
Search forums
What's new
New posts
Blog
Latest activity
Members
Current visitors
เกี่ยวกับเรา
Groups
Search groups
Upcoming events
ภาษา (🇺🇸 🇹🇭)
Log in
Register
What's new
Search
Search
Search titles only
By:
New posts
Search forums
Menu
Log in
Register
Forums
ข่าวการเงิน
Forum ข่าวการเงินต่างประเทศ ข่าวการเงินรอบโลก
Morning Bid Asia: วิกฤตสหรัฐ-จีนกลับมาอีกครั้ง?
JavaScript is disabled. For a better experience, please enable JavaScript in your browser before proceeding.
Reply to thread
Message
<p>[QUOTE="WealthUp, post: 11200, member: 27"]</p><p style="text-align: center">[ATTACH=full]15129[/ATTACH]</p><p>REUTERS/Issei Kato</p><p></p><p>มองตลาดเอเชียไปกับ Jamie McGeever</p><p></p><p>ผู้ค้าในเอเชียเริ่มสัปดาห์ภายใต้ความกดดันหลังวอลล์สตรีทเผชิญการเทขายในวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากรายงานการจ้างงานของสหรัฐออกมาแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ ขณะที่ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐและจีนเพิ่มขึ้นหลังการโจมตีบอลลูนที่สหรัฐอ้างว่าจีนใช้เพื่อสืบความเคลื่อนไหว</p><p></p><p>ในสัปดาห์นี้ตลาดยังรอรับข้อมูลเศรษฐกิจทั้งในระดับภูมิภาค ซึ่งรวมถึงมติการประชุมทางการเงินของอินเดียและออสเตรเลีย ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อและการปล่อยสินเชื่อของธนาคารจากจีน และตัวเลขบัญชีเดินสะพัดจากญี่ปุ่น</p><p></p><p>โมเมนตันของวอลล์สตรีทร่วงลงตั้งแต่สัปดาห์ก่อนจากความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่น่าจะยังเพิ่มขึ้นและความคาดหวังต่อการทำ "softlanding" กำลังเพิ่มขึ้น</p><p></p><p>ข้อมูลที่ออกมานั้นทำให้มีความสงสัยว่าข่าวดีนั้นจะเป็นข่าวร้ายหรือไม่? จริงอยู่ที่ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเป็นสัญญาณของเศรษฐกิจที่แข็งแรงและเป็นผลดีต่อรายได้แต่ทางตรงกันข้าวมันเป็นสัญญาณของการขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติมซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวและส่งผลกระทบต่อรายได้หรือไม่?</p><p></p><p>ในด้านความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐที่กลับมาย่ำแย่อีกครั้ง หลังการโจมตีบอลลูนที่สหรัฐอ้างว่าเป็นบอลลูนสอดแนมของจีน โดยในด้านจีนประณามการโจมตีดังกล่าวว่าเป็น "การตอบโต้ที่เกินกว่าเหตุ"</p><p></p><p>นักลงทุนจะจับตาดูวิกฤตในภูมิภาคอีกครั้ง โดยครั้งนี้มีศูนย์กลางอยู่ที่ Adani Group ของอินเดีย หลังจากที่ Hindenburg Research กล่าวหากลุ่มบริษัทนี้ว่ามีการปั่นหุ้นและก่อหนี้ที่ไม่ยั่งยืน</p><p></p><p>เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางของอินเดียพยายามสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนว่าระบบการเงินของประเทศมีความแข็งแกร่ง โดยยืนยันว่า "ตัวแปรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกองทุน คุณภาพสินทรัพย์ สภาพคล่อง ความครอบคลุมของเงินสำรอง และความสามารถในการทำกำไรนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดี" สัญญาณดังกล่าวออกมาก่อนที่การประชุมนโยบายของธนาคารกลางจะแล้วเสร็จโดยคาดการณ์ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยที่ 25 จุด อัตราดอกเบี้ยสะสมอยู่ที่ 6.50%</p><p></p><p>ขณะที่ในวันอังคารที่จะถึงธนาคารกลางออสเตรเลียจะสิ้นสุดการประชุมนโยบายบายโดยคาดการณ์ว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยที่ 25 จุดเป็นครั้งที่ 4 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสะสมอยู่ที่ 3.35% โดยนักวิเคราะห์มองว่านี่จะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายก่อนที่จะอยู่ที่ 3.60% ในเดือนมีนาคม</p><p></p><p><strong>ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่มีความสำคัญ 3 รายการในวันจันทร์</strong></p><p></p><p>- GDP ของอินโดนีเซีย (Q4 ปี 2022)</p><p>- อัตราเงินเฟ้อของประเทศไทย (เดือนมกราคม)</p><p>- ยอดค้าปลีกยูโรโซน (เดือนธันวาคม)</p><p></p><p>แหล่งข่าว Morning Bid Asia: U.S.-China crisis? โดย Reuters</p><p></p><p>แปลโดยทีม TradersThailand</p><p>[/QUOTE]</p>
[QUOTE="WealthUp, post: 11200, member: 27"] [CENTER][ATTACH type="full" alt="1675659768825.png"]15129[/ATTACH][/CENTER] REUTERS/Issei Kato มองตลาดเอเชียไปกับ Jamie McGeever ผู้ค้าในเอเชียเริ่มสัปดาห์ภายใต้ความกดดันหลังวอลล์สตรีทเผชิญการเทขายในวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากรายงานการจ้างงานของสหรัฐออกมาแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ ขณะที่ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐและจีนเพิ่มขึ้นหลังการโจมตีบอลลูนที่สหรัฐอ้างว่าจีนใช้เพื่อสืบความเคลื่อนไหว ในสัปดาห์นี้ตลาดยังรอรับข้อมูลเศรษฐกิจทั้งในระดับภูมิภาค ซึ่งรวมถึงมติการประชุมทางการเงินของอินเดียและออสเตรเลีย ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อและการปล่อยสินเชื่อของธนาคารจากจีน และตัวเลขบัญชีเดินสะพัดจากญี่ปุ่น โมเมนตันของวอลล์สตรีทร่วงลงตั้งแต่สัปดาห์ก่อนจากความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่น่าจะยังเพิ่มขึ้นและความคาดหวังต่อการทำ "softlanding" กำลังเพิ่มขึ้น ข้อมูลที่ออกมานั้นทำให้มีความสงสัยว่าข่าวดีนั้นจะเป็นข่าวร้ายหรือไม่? จริงอยู่ที่ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเป็นสัญญาณของเศรษฐกิจที่แข็งแรงและเป็นผลดีต่อรายได้แต่ทางตรงกันข้าวมันเป็นสัญญาณของการขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติมซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวและส่งผลกระทบต่อรายได้หรือไม่? ในด้านความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐที่กลับมาย่ำแย่อีกครั้ง หลังการโจมตีบอลลูนที่สหรัฐอ้างว่าเป็นบอลลูนสอดแนมของจีน โดยในด้านจีนประณามการโจมตีดังกล่าวว่าเป็น "การตอบโต้ที่เกินกว่าเหตุ" นักลงทุนจะจับตาดูวิกฤตในภูมิภาคอีกครั้ง โดยครั้งนี้มีศูนย์กลางอยู่ที่ Adani Group ของอินเดีย หลังจากที่ Hindenburg Research กล่าวหากลุ่มบริษัทนี้ว่ามีการปั่นหุ้นและก่อหนี้ที่ไม่ยั่งยืน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางของอินเดียพยายามสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนว่าระบบการเงินของประเทศมีความแข็งแกร่ง โดยยืนยันว่า "ตัวแปรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกองทุน คุณภาพสินทรัพย์ สภาพคล่อง ความครอบคลุมของเงินสำรอง และความสามารถในการทำกำไรนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดี" สัญญาณดังกล่าวออกมาก่อนที่การประชุมนโยบายของธนาคารกลางจะแล้วเสร็จโดยคาดการณ์ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยที่ 25 จุด อัตราดอกเบี้ยสะสมอยู่ที่ 6.50% ขณะที่ในวันอังคารที่จะถึงธนาคารกลางออสเตรเลียจะสิ้นสุดการประชุมนโยบายบายโดยคาดการณ์ว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยที่ 25 จุดเป็นครั้งที่ 4 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสะสมอยู่ที่ 3.35% โดยนักวิเคราะห์มองว่านี่จะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายก่อนที่จะอยู่ที่ 3.60% ในเดือนมีนาคม [B]ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่มีความสำคัญ 3 รายการในวันจันทร์[/B] - GDP ของอินโดนีเซีย (Q4 ปี 2022) - อัตราเงินเฟ้อของประเทศไทย (เดือนมกราคม) - ยอดค้าปลีกยูโรโซน (เดือนธันวาคม) แหล่งข่าว Morning Bid Asia: U.S.-China crisis? โดย Reuters แปลโดยทีม TradersThailand [/QUOTE]
Preview
Name
Verification
Post reply
Forums
ข่าวการเงิน
Forum ข่าวการเงินต่างประเทศ ข่าวการเงินรอบโลก
Morning Bid Asia: วิกฤตสหรัฐ-จีนกลับมาอีกครั้ง?
Top