นายธนพล ประภาพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า คาดว่าความขัดแย้งระหว่างจีน-ไต้หวัน คาดจะมีผลกระทบทั้งบวกและงบ โดยมีโอกาสให้นักลงทุนจีนและไต้หวันเข้ามาลงทุนในประเทศไทย รวมทั้งดึงดูดให้นักลงทุนที่จะขยายการลงทุนในจีนอาจจะตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะรถยนต์อีวีพวงมาลัยด้านขวา
ขณะที่ ผลกระทบในภาพรวม อาจจะทำให้ธุรกิจอีวีเกิดความล่าช้าได้หากจีนมีมาตรการแซงก์ชันทางเศรษฐกิจของไต้หวัน ซึ่งจะทำให้ในส่วนของธุรกิจต้นน้ำ อย่าง ธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ได้รับผลกระทบ รวมทั้งผลกระทบในด้านของขนส่งโลจิสติกส์ เพราะว่าไต้หวันเป็นประเทศที่มีเส้นทางขนส่งทางเรือที่สำคัญของโลกแห่งหนึ่ง
ขณะที่ธุรกิจ EV Value Chain ผ่านบริษัทย่อย บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (ARUN PLUS) โดยร่วมทุนกับ ฟ็อกซ์คอนน์ เปิดบริษัท ฮอริษอน พลัส จำกัด (อรุณ พลัส ถือหุ้น 60% และ ฟ็อกซ์คอนน์ 40%) ได้ตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) แล้วเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา และเริ่มก่อสร้างโรงงานแพลตฟอร์มการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) และส่วนประกอบต่างๆ ในไตรมาส 4 ปี 2565 คาดแล้วเสร็จไตรมาส 1 ปี 2567 ด้วยกำลังการผลิตเฟสแรก 50,000 คันต่อปี และทยอยปรับเพิ่มขึ้นเป็น 150,000-200,000 คันต่อปีในปี 2573
แหล่งข่าว PTT เผยขัดแย้งจีน-ไต้หวัน โอกาสนักลงทุนปักหมุดธุรกิจอีวีในไทย, bangkokbiznews, 23 ส.ค. 2565