นายธนพล ประภาพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า ในปี 2565 บริษัทมั่นใจว่ารายได้ยังเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ เนื่องจาก ธุรกิจผลิตและสำรวจปิโตรเคมี ธุรกิจจำหน่ายน้ำมัน ฟื้นตัว จากความต้องการใช้เพิ่มขึ้นจากการผ่อนคลายล็อกดาวน์ และราคาน้ำมันยังคงสูง โดยคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 71-76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดอยู่ที่ 68-73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ,ราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ
รวมถึงค่าการกลั่น ( Singapore GRM) ในปี 65 คาดจะปรับตัวดีขึ้น โดยราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 4-5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากปีนนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 3-4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และ ราคา LNGเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
ส่วนกลุ่มธุรกิจไฟฟ้า คาดความต้องการใช้ไฟฟ้าในประเทศฟื้นตัวตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ส่วนธุรกิจกลุ่ม New Energy อรุณพลัส Arun+ ที่ดำเนินธุรกิจ EV Charger จะมีการติดตั้ง Charger เพิ่มขึ้น1,350 ยูนิต และ OR ตั้งเป้าขยาย EV Charger 200 สถานี เพื่อมี EV Charger ในสถานีบริการ 300 สถานีตามเป้าหมายในปี 2565
นายธนพล กล่าวว่า ขณะที่ธุรกิจ EV Value Chain จากที่บริษัทได้ร่วมทุนกับ ฟ็อกซ์คอนน์ กรุ๊ป (Foxconn) จะประกาศตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) ในช่วงกลางปี 2565 ซึ่งหาก FID ได้หลังจากนั้นจะดำเนินการจัดตั้งโรงงานแพลตฟอร์มการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า(EV) และส่วนประกอบต่างๆ คาดแล้วเสร็จภายในปลายปี 2566 ด้วยกำลังการผลิต 50,000 คันต่อปี และทยอยปรับเพิ่มขึ้นเป็น 150,000-200,000 คันต่อปีในปี 2573
อย่างไรก็ตามบริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำแผนการลงทุน 5 ปี (2565-2569) ซึ่งคาดว่าจะทำเสร็จในช่วงกลางเดือนธ.ค. 2564
นายธนพล กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ การนำเงินคริปโตเคอร์เรนซีในการชำระค่าสินค้าของบริษัท แต่ต้องขึ้นอยู่กับกฎระเบียบของภาครัฐจะสามารถทำได้หรือไม่
ด้านโครงการที่จะดำเนินการเชิงพาณิชย์ปี 2565 ได้แก่ท่อก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 5 โดยจะเริ่มระยะที่ 1 ซึ่งจะแล้วเสร็จในเดือนธ.ค. ปีนี้ และระยที่ 2 ในเดือน ม.ค. 2565 และระยะที่ 3 ปลายปี 2565 ส่วน LNG Terminal#2 ที่มีกำลังการผลิต 7.5 ล้านตันต่อปี คาดว่าจะดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์เต็มกำลังการผลิต ในเดือนธ.ค.ฯลฯ
แหล่งข่าว PTT แย้มศึกษาใช้คริปโทฯชำระค่าสินค้า-บริการ, bangkokbiznews, 26 พ.ย. 2564