ดัชนีหลักของ Wall Street ร่วงลงในวันพุธโดย S&P 500 ตกลงมากกว่า 1% หลังจากการเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายของ Federal Reserve เมื่อเดือนที่แล้วแสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่พร้อมที่จะทำ Tapering ภายในปีนี้หากตลาดงานยังแข็งแกร่ง
S&P 500 ลงประมาณ 1.8% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยดัชนี Benchmark ที่ลดลงครั้งแรกในวันเดียวอย่างน้อย 1% นับตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม หุ้นกลุ่มพลังงานในดัชนีร่วง 2.4% และการดูแลสุขภาพลดลง 1.5%
รายงานการประชุมเฟดวันที่ 27-28 กรกฎาคมเผย เจ้าหน้าที่เฟดเริ่มกังวลถึงเงินเฟ้อและความจำเป็นในการรับมือ แม้เจ้าหน้าที่บางรายมองว่าเฟดควรทนต่อไปเพื่อฟื้นตลาดงาน
“รายงานการประชุมของเฟดไม่ได้ช่วยขจัดกระแสการทำ Tapering ที่จะเริ่มขึ้นในไม่ช้า” Peter Tuz ประธานที่ Chase Investment Counsel
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 382.59 จุดหรือ 1.08% สู่ 34,960.69 จุด S&P 500 ร่วงลง 47.81 จุดหรือ 1.07% สู่ 4,400.27 จุด และ Nasdaq Composite ลดลง 130.27 จุดหรือ 0.89% เป็น 14,525.91 จุด
โฟกัสของตลาดเปลี่ยนไปเป็นการประชุมของเฟดในเมือง Jackson Hole ในสัปดาห์หน้าเพื่อดูสัญญาณต่อไป นักวิเคราะห์หลายคนคาดว่าเฟดจะประกาศแผนการที่จะลดการซื้อสินทรัพย์ให้เร็วที่สุดในการประชุมนโยบายวันที่ 21-22 กันยายน
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงฤดูกาลผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสที่สองที่เป็นปัจจัยหลักพร้อมกับนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายได้หนุนความรู้สึกเชิงบวกต่อหุ้น
“เราได้รับข้อมูลทั้งรายได้และข้อมูลทางเศรษฐกิจในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งชี้ให้เห็นภาพรวมที่เป็นไปในเชิงบวก” Craig Fehr นักยุทธศาสตร์การลงทุนของ Edward Jones
หุ้นของ Lowe's Cos Inc พุ่งขึ้น 9.6% หลังจากรายงานประจำไตรมาสและประกาศพร้อมของช่างที่จะเริ่มกลับไปทำงาน
S&P 500 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ใหม่ 28 รายการและระดับต่ำสุดใหม่ 2 รายการ Nasdaq Composite ทำสถิติสูงสุดใหม่ 50 ครั้งและระดับต่ำสุดใหม่ 149 ครั้ง
การซื้อขายหุ้นในสหรัฐประมาณ 8.8 พันล้านหุ้น ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยรายวัน 9.15 พันล้านหุ้นในช่วง 20 เซสชันล่าสุด
แหล่งข่าว S&P 500 ends down over 1% after Fed minutes โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand
