หุ้นกลุ่มที่ขยายตัวมากสุดใน S&P 500 คือบริษัทผู้ให้บริการด้านน้ำมัน Baker Hughes โดยเพิ่มขึ้น 8% รองลงมา ได้แก่ Gap Inc เพิ่มขึ้น 7.1% และ Foot Locker Inc เพิ่มขึ้น 4.1% ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 0.7% ปิดที่ 34,113.23 จุด ขณะที่ S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.27% เป็น 4,192.66 จุด แต่ Nasdaq Composite ลดลง 0.48% มาอยู่ที่ 13,895.12 จุด ทั้งนี้ ปริมาณการแลกเปลี่ยนของสหรัฐอยู่ที่ 10.29 พันล้านหุ้นเทียบกับค่าเฉลี่ย 9.86 พันล้านสำหรับเซสชั่นเต็มในช่วง 20 วันทำการที่ผ่านมา
ดัชนี Nasdaq ลดลงจากหุ้นเทคโนโลยี megacap อาทิ Amazon.com Inc, Alphabet Inc, Facebook Inc และ Microsoft Corp ซื้อขายลดลงแม้จะมีผลประกอบการที่ดี
หุ้นต้องดิ้นรนเพื่อรักษาทิศทางขาขึ้นที่จะเข้าสู่ฤดูกาลรายงาน โดยผู้ผลิตชิปก็ลดลงเช่นกัน ดัชนี Philadelphia SE Semiconductor ลดลง 1.2%
บริษัทใน S&P 500 มากกว่าครึ่งที่รายงานมาตอนนี้มีผลกำไรเพิ่มขึ้น 46% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบกับการคาดการณ์การเติบโต 24% ในช่วงต้นเดือน เม.ย. ตามข้อมูลของ IBES จาก Refinitiv โดย บริษัท ราว 87% รายงานกำไรต่อหุ้นสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น การกระตุ้นทางการคลัง และการผ่อนคลายจากธนาคารเฟดได้ผลักดันดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ทำสถิติสูงสุดในสัปดาห์ที่แล้ว
กิจกรรมการผลิตของสหรัฐขยายตัวช้าลงในเดือน เม.ย. จากปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบการผลิตท่ามกลางอุปสงค์ที่กำลังเพิ่มขึ้น ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรมีกำหนดจะเผยแพร่ในวันศุกร์นี้ โดยคาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นในเดือน เม.ย.
หุ้นที่มีการลดลงมากที่สุดคือ Estee Lauder ซึ่งลดลง 7.9% หลังจากรายงานยอดขายในไตรมาส 3 ที่พลาดเป้าของนักวิเคราะห์
ขณะที่ Ebay Inc เป็นหุ้นที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดใน Nasdaq 100 โดยเพิ่มขึ้น 4.2% หลังจากเปิดรับ cryptocurrencies
นอกจากนี้ T-Mobile, Uber, Lyft, Square, Peloton และ Pfizer เตรียมรายงานผลประกอบการในปลายสัปดาห์นี้
แหล่งข่าว 'Reopening' stocks give S&P 500, Dow strong footing, tech names lag โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand
