สำนักข่าวรอยเตอร์พบว่า SPAC กว่า 100 แห่งที่ประกาศการควบรวมกิจการในปีนี้โดยเฉลี่ยมีราคาลดลง 2% จากราคาที่ซื้อขาย ณ ตอนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งแรก
ตามการวิเคราะห์ข้อมูลของ Reuters จาก Refinitiv และ บริษัท วิจัย SPAC Research พบว่า SPAC ส่วนใหญ่ที่เริ่มซื้อขายในตลาดหุ้นเมื่อปีที่แล้วและผลการดำเนินงานเฉลี่ยของกลุ่มตามหลัง S&P 500 ถึง 15% ท่ามกลางการล่มสลายของ SPACs เนื่องจากการตรวจสอบด้านกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้น
ในช่วงต้นปี 2564 นักลงทุนรายย่อยต้องการลงทุนในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าและการเดินทางในอวกาศซึ่งได้เกิดกระแส SPAC และทำให้มีการเริ่มธุรกิจใหม่และ IPO ซึ่งมีการตรวจสอบน้อยกว่าการ IPO แบบเดิม
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมานักลงทุนรายย่อยก็สูญเสียความสนใจครั้งแรกไปมากและการลิสติ้ง SPAC ใหม่จึงเริ่มลดลง โดยการซื้อ SPAC สุทธิรายวันของนักลงทุนรายย่อยลดลงเหลือประมาณ 181 ล้านดอลลาร์จาก 500 ล้านดอลลาร์ในช่วงปลายเดือน ม.ค. เนื่องจากนักลงทุนต้องจ่ายค่าใช้จ่ายจำนวนมากผ่าน share dilution ในระหว่างกระบวนการเปิดตัว SPAC และการเข้าซื้อ บริษัทเป้าหมาย
ผลการดำเนินงานเฉลี่ยของ SPAC นับจากวันที่ประกาศว่าจะควบรวมกิจการกับบริษัทใด ขณะนี้เริ่มลดลงแล้ว 6% ตามการวิเคราะห์ของรอยเตอร์
โดยรวมแล้วประมาณ 90% ของ SPAC ที่ประกาศข้อตกลงในปีนี้ก็ต่างกำลังลดลง S&P 500 โดยอิงจากเวลาที่พวกเขาเริ่มซื้อขายในตลาดหุ้นโดยปกติจะอยู่ที่ประมาณ 10 ดอลลาร์ตามการวิเคราะห์ของรอยเตอร์
นอกจากนี้ การวิเคราะห์รวม SPAC 114 รายที่ประกาศควบรวมกิจการในปี 2564 ไม่รวม SPAC กว่า 400 รายการที่จดทะเบียนหุ้นของตนในปีนี้และปีที่แล้ว โดยยังคงมองหาบริษัทที่จะควบรวมกิจการ โดยส่วนใหญ่หุ้นกลุ่มดังกล่าว ราคาจะอยู่ที่ประมาณราคา IPO 10 ดอลลาร์ ซึ่งสามารถถอนออกได้หากมีการประกาศการควบรวมกิจการในที่สุด
แหล่งข่าว SPAC returns trail S&P 500 as retail investors temper interest โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand
