องค์การอนามัยโลกกล่าวว่า Omicron ที่กลายพันธุ์สามารถเปลี่ยนแนวทางของการระบาดใหญ่ได้ แต่ผลกระทบที่แน่นอนคือ "ยังยากที่จะรู้" แม้หลักฐานเบื้องต้นจากแอฟริกาใต้อาจบ่งชี้ว่า omicron อาจรุนแรงกว่าสายพันธุ์เดลต้า แต่เจ้าหน้าที่ของ WHO กล่าวว่า "ยังเร็วเกินไปที่จะสรุป" ข้อเท็จจริงนั้น
“คุณสมบัติบางประการของโอไมครอน รวมถึงการแพร่กระจายไปทั่วโลกและการกลายพันธุ์จำนวนมาก บ่งชี้ว่าอาจมีผลกระทบสำคัญต่อการแพร่ระบาด” การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมของไวรัสส่งผลต่อความรุนแรงของไวรัส และบ่งชี้ว่าไวรัสสามารถแพร่เชื้อได้มากกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้าอย่างมาก ตามข้อมูลของ WHO
ข้อสังเกตของ WHO เกิดขึ้นจากการตรวจพบตัวแปรโอไมครอน ซึ่งพบครั้งแรกในแอฟริกาตอนใต้ พบใน 57 ประเทศทั่วโลก และในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีรายงานผู้ป่วยยืนยันรายใหม่มากกว่า 4 ล้านรายทั่วโลก ซึ่งคล้ายกับตัวเลขในสัปดาห์ก่อน ขณะที่ จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกเพิ่มขึ้น 10% ในสัปดาห์ที่แล้ว มีรายงานผู้เสียชีวิตรายใหม่มากกว่า 52,500 ราย
เมื่อวันอังคาร นักวิทยาศาสตร์ชาวแอฟริกาใต้ได้เผยแพร่การศึกษาเบื้องต้นเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนต่อ Omicron โดยไวรัสดังกล่าวลดการป้องกันแอนติบอดีที่เกิดจากวัคซีนของ Pfizer และ BioNTech ลงอย่างมาก อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่าผู้ที่ฟื้นตัวจากไวรัสและได้รับการฉีดกระตุ้นมีแนวโน้มที่จะป้องกัรอาการที่รุนแรงมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม Dr. Soumya Swaminathan หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ WHO กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะสรุป “เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันนั้นซับซ้อน” สิ่งที่ต้องการคือความพยายามในการวิจัยร่วมกันและไม่กระโดดไปสู่ข้อสรุปจากแหล่งใดแหล่งหนึ่ง
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ซีอีโอของ Pfizer กล่าวว่าบริษัทสามารถพัฒนาวัคซีนที่ป้องกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้ภายในเดือนมีนาคม 2565 หากจำเป็น
หัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ของทำเนียบขาวกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอังคารว่า นักวิทยาศาสตร์ควรมีข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนในการต่อต้านไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ภายในกลางสัปดาห์หน้า
ขณะที่สถานการณ์แพร่ระบาดของ Omicron กระจายไปยัง 21 ประเทศในสหภาพยุโรปและเขตเศรษฐกิจยุโรป ณ วันพุธตามหน่วยงานสาธารณสุขของสหภาพยุโรป และคาดการณ์ว่าสายพันธุ์นี้อาจกลายเป็นสายพันธุ์หลักในยุโรปในช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคม
แหล่งข่าว WHO says omicron variant could change the course of the Covid pandemic โดย CNBC
แปลโดยทีม TradersThailand