Jettarin.Su
Moderator
ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐฯ และจีนส่งผลให้เทคโนโลยีและห่วงโซ่อุปทาน และกลายเป็นจุดสนใจเมื่อมีการขู่ว่าจะทำลายระบบอินเทอร์เน็ต ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความบาดหมางที่เพิ่มมากขึ้นได้ก่อให้เกิดคำที่เรียกว่า Splinternet ที่จะแยกกันระหว่างโดยสหรัฐฯ และจีน
แม้ว่าจะไม่มีคำจำกัดความที่เป็นหนึ่งเดียวของ Splinternet โดย Paul Triolo หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศของ Eurasia Group กล่าวว่า ข้อมูล ปัญหาและการกำกับดูแลข้อมูลจะเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งหากมีการแยกใช้ระบบอินเทอร์เนตเกิดขึ้น
จีนกล่าวหาว่าบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ เป็นตัวแทนของภัยคุกคามความมั่นคงแห่งช ซึ่งก่อนหน้านี้จีนเคยเปิดกั้น Google Facebook Amazon โดยมีแอปพลิเคชั่นท้องถิ่นอื่น ๆ มาแทนที่ อาทิ Taobao JD.com หรือ WeChat นอกจากนี้ รัฐบาลยังบังคับให้กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีจะต้องเซ็นเซอร์เนื้อหาที่มีความอ่อนไหวทางการเมืองอีกด้วย ขณะที่ ฝ่ายสหรัฐฯ เคยขู่ว่าจะแบนแอปพิลเคชัน TikTok จากความกังวลว่า ข้อมูลจำนวนมากของชาวอเมริกันอาจไปอยู่ในมือของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
สหภาพยุโรปและสหรัฐฯ ได้มีข้อตกลงที่เรียกว่า Privacy Shield เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตามข้อกำหนดการปกป้องข้อมูล การถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลจากสหภาพยุโรปและสวิตเซอร์แลนด์ไปยังสหรัฐฯ ซึ่งมีการปรับใช้กับบริษัทหลายพันแห่งแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นปีนี้ศาลยุติธรรมยุโรปได้มีข้อคิดเห็นว่าข้อตกลงดังกล่าวไม่ได้ปกป้องความเป็นส่วนตัวของพลเมืองยุโรปอย่างเพียงพอ ขณะที่ สหรัฐฯ มีความกังวลถึงกฎหมายบางฉบับที่เกี่ยวกับการเฝ้าระวังพลเมืองของตนซึ่งอาจไม่สามารถป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของผู้คนจากการสอดส่องของรัฐบาลในลักษณะเดียวกับกฎหมายของยุโรป
กฎที่เข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับกระแสข้อมูลอาจนำไปสู่สิ่งที่เรียกว่าศูนย์กลางข้อมูลที่เป็นกลางตามที่ Abishur Prakash ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิรัฐศาสตร์ของ Center for Innovating the Future (CIF) เขาอ้างถึงข้อตกลง TikTok ที่ยังอยู่ระหว่างการเจรจา จะและอาจมีการตั้งสำนักงานใหม่ในนาม TikTok Global Oracle โดยWalmart จะถือส่วนเป็นเจ้าของที่ 20% และ ByteDance ที่ 80% อย่างไรก็ตาม Oracle จะไม่มีส่วนความเป็นเจ้าของใน TikTok Global
แหล่งข่าว U.S.-China tensions could split the internet โดย CNBC
แปลโดยทีม TradersThailand
Last edited by a moderator:
