ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่กำลังถอยหลังกำลังผลักดัชนี DXY ลงต่ำกว่าระดับที่มีนัยสำคัญ 90 และค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน สะท้อนถึงการฟื้นตัวช่วงก่อนหน้าเป็นเพียงช่วงสั้นๆ
สหรัฐฯ พยายามผลักดันแพคเกจสนับสนุนเศรษฐกิจมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งที่สองนับจากการระบาดใหญ่ ขณะที่ ยุโรปสรุปว่ามูลค่าแพคเกจเกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าที่มูลค่า 750 พันล้านดอลลาร์ในช่วงฤดูร้อนปีที่แล้วนั้นมากเกินพอ
ขณะที่ การฉีดวัคซีนและข้อจำกัดที่เข้มงวดในสหรัฐฯ ยังช่วยลดการติดเชื้อรายใหม่ โดยค่าเฉลี่ยผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7 วันอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 70,000 รายจาก 250,000 รายในช่วงต้นปี ทำให้ตลาดมองเป็นสัญญาณของภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อรวมกับแรงกระตุ้นจากแพคเกจกระตุ้นทำช่วยเร่งอัตราเงินเฟ้อด้วยเช่นกัน
บรรดาบริษัทที่ถูกเรียกว่า “growth” ที่กู้ยืมราคาถูกจะได้รับผลกระทบด้วยจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งอาจขัดแย้งต่อแนวทางการฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจระดับมหภาคจากแรงกดดันที่จะเกิดขึ้น
อย่างเช่น Tesla ลดลง 20% และ Apple ลดลง 15% จากจุดสูงสุดเมื่อปลายเดือน ม.ค. ส่งผลให้ Nasdaq Composite ลดลงตามที่ 2.5% ในวันจันทร์ โดยมีการขาดทุน 5% ในช่วงการซื้อขายที่ลดลง 5 ครั้งติดต่อกัน
อัตราดอกเบี้ยระยะยาวยังห่างไกลจากภาวะปกติและการคาดการณ์ความเร่งจากเงินเฟ้อทำให้อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวสูงกว่าระดับก่อนการระบาด ทำให้เกิดแรงกดดันอย่างมีนัยสำคัญต่อ growth stock
ทั้งนี้ เฟดสามารถแก้ไขสถานการณ์นี้ได้ด้วยการทำ QE ซึ่งจะกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ความผันผวนของตลาดที่เพิ่มขึ้นอีกอาจบังคับให้เฟดต้องเข้ามาช่วยเหลือโดยการขยายโครงการซื้อพันธบัตร ขณะที่ พาวเวลล์ได้มองการเคลื่อนไหวดังกล่าวในก่อนหน้านี้แล้วโดยมองว่าการว่างงานที่แท้จริงในสหรัฐฯ อยู่ที่เกือบ 10% เทียบกับข้อมูลอย่างเป็นทางการที่ 6.3%
กระนั้น เฟดอาจถูกกล่าวหาว่าสูญเสียความเป็นอิสระและให้เงินสนับสนุนรัฐบาล และอาจเป็นข่าวร้ายสำหรับดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ถ้อยคำแถลงล่าสุดของเฟดต่อรัฐบาลซึ่งบอกเป็นนัยว่าจะสนับสนุนค่าเงินดอลลาร์หรืออัตราดอกเบี้ยต่ำและตลาด ซึ่งมองว่าอาจเป็นแนวโน้มหลักสำหรับทั้งปี 2564
แหล่งข่าว Rising dollar vs markets: what will be the primary trend of 2021โดย The FxPro Analyst Team
แปลโดยทีม TradersThailand
สหรัฐฯ พยายามผลักดันแพคเกจสนับสนุนเศรษฐกิจมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งที่สองนับจากการระบาดใหญ่ ขณะที่ ยุโรปสรุปว่ามูลค่าแพคเกจเกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าที่มูลค่า 750 พันล้านดอลลาร์ในช่วงฤดูร้อนปีที่แล้วนั้นมากเกินพอ
บรรดาบริษัทที่ถูกเรียกว่า “growth” ที่กู้ยืมราคาถูกจะได้รับผลกระทบด้วยจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งอาจขัดแย้งต่อแนวทางการฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจระดับมหภาคจากแรงกดดันที่จะเกิดขึ้น
อย่างเช่น Tesla ลดลง 20% และ Apple ลดลง 15% จากจุดสูงสุดเมื่อปลายเดือน ม.ค. ส่งผลให้ Nasdaq Composite ลดลงตามที่ 2.5% ในวันจันทร์ โดยมีการขาดทุน 5% ในช่วงการซื้อขายที่ลดลง 5 ครั้งติดต่อกัน
ทั้งนี้ เฟดสามารถแก้ไขสถานการณ์นี้ได้ด้วยการทำ QE ซึ่งจะกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ความผันผวนของตลาดที่เพิ่มขึ้นอีกอาจบังคับให้เฟดต้องเข้ามาช่วยเหลือโดยการขยายโครงการซื้อพันธบัตร ขณะที่ พาวเวลล์ได้มองการเคลื่อนไหวดังกล่าวในก่อนหน้านี้แล้วโดยมองว่าการว่างงานที่แท้จริงในสหรัฐฯ อยู่ที่เกือบ 10% เทียบกับข้อมูลอย่างเป็นทางการที่ 6.3%
กระนั้น เฟดอาจถูกกล่าวหาว่าสูญเสียความเป็นอิสระและให้เงินสนับสนุนรัฐบาล และอาจเป็นข่าวร้ายสำหรับดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ถ้อยคำแถลงล่าสุดของเฟดต่อรัฐบาลซึ่งบอกเป็นนัยว่าจะสนับสนุนค่าเงินดอลลาร์หรืออัตราดอกเบี้ยต่ำและตลาด ซึ่งมองว่าอาจเป็นแนวโน้มหลักสำหรับทั้งปี 2564
แหล่งข่าว Rising dollar vs markets: what will be the primary trend of 2021โดย The FxPro Analyst Team
แปลโดยทีม TradersThailand