ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในวันศุกร์ โดยเพิ่มขึ้น 4.2% ในสัปดาห์จากสัญญาณบ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมบางแห่งได้เริ่มเปลี่ยนเชื้อเพลิงจากก๊าซเป็นน้ำมัน และข้อสงสัยต่อรัฐบาลสหรัฐฯ ในการปล่อยน้ำมันออกจากแหล่งสำรองเชิงกลยุทธ์
WTI ของสหรัฐพุ่งขึ้น 84 เซนต์หรือ 1.1% สู่ 79.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เบรนท์พุ่งขึ้น 80 เซนต์หรือ 1% สู่ 82.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สัญญาซื้อขายทั้งสองฉบับเพิ่มขึ้นประมาณ 1.1% ในวันพฤหัสบดีและอยู่ในทิศทางที่จะเพิ่มขึ้น 4% ในสัปดาห์นี้
“ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นหลังจากที่กระทรวงพลังงานสหรัฐกล่าวว่าขณะนี้ยังไม่มีแผน 'ในเวลานี้' ที่จะใช้ประโยชน์จากปริมาณสำรองน้ำมันเชิงกลยุทธ์ของสหรัฐฯ เพื่อทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลง” Vivek Dhar นักวิเคราะห์ของ Commonwealth Bank
ทั้งนี้ในภาพรวม การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในรอบสัปดาห์ได้รับแรงกระตุ้นจากราคาก๊าซที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนไปใช้น้ำมันเพื่อการผลิตพลังงานและอุตสาหกรรมบางประเภท พร้อมกับการตัดสินใจของ OPEC+ ที่คงมติอุปทานน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนพฤศจิกายน
นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ของ ANZ กล่าวในหมายเหตุว่า "การเพิ่มขึ้นของการเปลี่ยนจากก๊าซเป็นน้ำมันอาจช่วยเพิ่มความต้องการน้ำมันดิบที่ใช้ในการผลิตพลังงานในช่วงฤดูหนาวในซีกโลกเหนือ" พร้อมเสริมว่าสต็อกน้ำมันกลั่นของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงดีเซลและน้ำมันให้ความร้อยอยู่ในระดับต่ำสุดสำหรับก่อนเข้าฤดูหนาวตั้งแต่ปี 2543 ขณะที่นักวิเคราะห์ของ JP Morgan ตั้งข้อสังเกตว่ายังไม่เห็นการเปลี่ยนจากก๊าซเป็นน้ำมันอย่างมีนัยสำคัญในยุโรป
แหล่งข่าว Oil climbs on switch from gas and doubts over U.S. releasing reserves โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand