น้ำมันสหรัฐพุ่งขึ้นเป็นวันที่ห้าในวันพุธและแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2014 ท่ามกลางความกังวลทั่วโลกเกี่ยวกับอุปทานสัญญาณความตึงตัวของตลาดน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน
เบรนต์พุ่งขึ้นเป็นวันที่สี่ หลังจาก OPEC+ มีมติในวันจันทร์ที่จะเพิ่มผลผลิตตามแผน ล่าสุดอยู่ที่ 82.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ WTI เพิ่มขึ้นเป็น 79.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย. 2014 ล่าสุดอยู่ที่ 79.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
OPEC+ มีมติดำเนินตามแผนเพิ่มกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรลต่อวัน (bpd) จนถึงอย่างน้อยในเดือนเมษายน 2565 โดยจะยุติการผลิตที่มีอยู่ 5.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ANZ ระบุในหมายเหตุว่า "น้ำมันดิบขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนกังวลเรื่องความตึงตัวในตลาดเนื่องจากวิกฤตด้านพลังงานทำให้อุปสงค์เพิ่มขึ้น ขณะที่ การเพิ่มการผลิตของ OPEC+ ต่ำกว่าที่ตลาดคาด”
ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นมากกว่า 50% ในปีนี้ บวกกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในสหรัฐฯ และอินเดีย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลสินค้าคงคลังสหรัฐ แสดงให้เห็นสัญญาณของอุปสงค์ที่ชะลอตัว
สถาบัน API รายงานสต๊อกน้ำมันของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 951,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่ 1 ต.ค. เว็บไซต์ Oilprice.com รายงานเมื่อวันอังคาร ขณะที่ น้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
แหล่งข่าว U.S. oil rises to highest since 2014 amid global energy crunch โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand