ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นในช่วงเช้าของวันอังคาร หลังจากที่อิสราเอลโจมตีราฟาห์ในฉนวนกาซา ขณะที่การเจรจาหยุดยิงกับกลุ่มฮามาสยังคงดำเนินต่อไปโดยไม่มีข้อยุติ สัญญาฟิวเจอร์ Brent เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ หรือ 0.55% อยู่ที่ 83.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาฟิวเจอร์ West Texas Intermediate (WTI) ของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ หรือ 0.59% สู่ 78.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาขยับขึ้นในวันจันทร์โดยกลับตัวจากการลดลงของสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสัญญาทั้งสองฉบับมีผลขาดทุนรายสัปดาห์ที่สูงที่สุดในรอบสามเดือน โดยมุ่งเน้นไปที่อัตราการจ้างงานในสหรัฐที่อ่อนแอ และช่วงจังหวะที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ
เมื่อวันจันทร์ กลุ่มฮามาสกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ตกลงต่อข้อเสนอหยุดยิงในฉนวนกาซาจากผู้ไกล่เกลี่ย แต่อิสราเอลกล่าวว่าเงื่อนไขไม่เป็นไปตามข้อเรียกร้องและกดดันให้โจมตีในราฟาห์ ขณะที่มีการเจรจาข้อตกลงต่อไป กองกำลังอิสราเอลโจมตีราฟาห์ทางตอนใต้ของฉนวนกาซาทั้งทางอากาศและทางบก และสั่งให้ผู้อยู่อาศัยออกจากเมือง ข้อตกลงระหว่างทั้งสองฝ่ายในความขัดแย้งที่ยาวนานถึง 7 เดือนในขณะนี้ได้สนับสนุนราคาขึ้น เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าสงครามจะทวีความรุนแรงขึ้นและกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบในตะวันออกกลาง อีกทั้งความเคลื่อนไหวของริยาดในการเพิ่มราคาขายน้ำมันดิบให้กับเอเชีย ยุโรปตะวันตกเฉียงเหนือ และทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในเดือนมิถุนายน ยังช่วยสนับสนุนราคาอีกด้วย ซึ่งส่งสัญญาณถึงความคาดหวังถึงอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในช่วงฤดูร้อนนี้ ผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลกรายนี้ขึ้นราคาน้ำมันดิบของ Arab Light ไปยังเอเชียเป็น 2.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโอมาน/ดูไบในเดือนมิถุนายน สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม
แหล่งข่าว Oil edges up after Israel strikes Gaza, while truce talks continue โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand
