Jettarin.Su
Moderator
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน เปิดเผยระหว่างการบรรยายพิเศษเปิดงานการพัฒนาการให้บริการภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ว่า รัฐบาลตั้งเป้าหมายให้ไทยขยับอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจ (Ease of Doing Business) จากการประเมินของธนาคารโลกมาอยู่ใน 10 อันดับแรกของโลกภายใน 2 ปี หรือปี 65 จากช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ไทยขยับดีขึ้นจากที่ 49 มาที่ 21 จาก 190 ประเทศทั่วโลก มั่นใจว่าไทยจะขึ้นท็อป 10 ได้แน่นอน เพราะขณะนี้ไทยมีคะแนนอยู่ที่ 80.1 สูงสุดในรอบ 10 ปี และมีคะแนนห่างจากกลุ่มท็อปเทน 3 คะแนนเท่านั้น
ด้านนางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) กล่าวว่า มีกฎหมายที่ยังเป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการจัดอันดับความยากง่ายของไทยที่ต้องปรับปรุงแก้ไข หรือยกเลิกอยู่ 1,094 กระบวนการ ซึ่งตั้งเป้าหมายจะตัดและปรับปรุงกฎหมายตามขั้นตอนที่เรียกว่า regulatory guillotine ให้แล้วเสร็จ 85% ภายในปี 64
ส่วนนายณัฐพล เดชทวิทักษ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ และการเชื่อมโยงธุรกิจ กล่าวว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ร่วมกับภาครัฐพัฒนาแพลตฟอร์มการค้าดิจิทัลระหว่างประเทศ เพื่อช่วยให้ระบบการส่งออกและนำเข้าง่ายขึ้น โดยเฉพาะกับธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) หากทำสำเร็จ ไทยจะเป็นประเทศที่ 3 ในโลกและในเอเชียที่ทำได้ คาดจะเปิดเฟสแรกไตรมาส 3 ปี 64 และจะเชื่อมโยงกับระบบ National Single Windows ทั้ง 37 หน่วยงาน ซึ่งจะช่วยให้การจัดอันดับของไทยดีขึ้น เพราะช่วยลดต้นทุนธุรกิจ ลดจำนวนแรงงานและการส่งเอกสารนำเข้าส่งออกที่ท่าเรือได้ 4,000-5,000 ล้านบาทต่อปี.
แหล่งข่าว ลุ้นไทยติดท็อปเทนปี 65, ไทยรัฐ 1 ธ.ค. 2563
