หุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนต้องจับตาแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ และการเริ่มต้นฤดูกาลผลประกอบการของบริษัท อัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภคของจีนหดตัวในเดือนมิถุนายน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของผู้ผลิตลดลงในอัตราที่เร็วที่สุดจากปีก่อน
การผ่อนปรนด้านกฎระเบียบในภาคเทคโนโลยีของจีนส่งผลให้หุ้น Alibaba ในฮ่องกงแรลลี่ได้อีกครั้ง ดัชนีหุ้น MSCI หุ้นเอเชียแปซิฟิกยกเว้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.6% ดัชนี Nikkei ของญี่ปุ่นคลาตัวลง 0.7% หลังจากเงินเยนแข็งค่าขึ้นสูง ขณะที่ดัชนีเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 0.2%.
สัญญาฟิวเจอร์ส EURO STOXX 50 ลดลง 0.1% ขณะที่สัญญาฟิวเจอร์ส FTSE สัญญาซื้อขายล่วงหน้า S&P 500 และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า Nasdaq ลดลงอยู่ที่ 0.2% บวกกับการขาดทุนในสัปดาห์ที่ผ่านมา.
ใบสัปดาห์นี้หลายบริษัทจะเริ่มรายงานผลประกอบการโดยมี JPMorgan Chase, Citigroup, Wells Fargo, State Street และ PepsiCo ด้านนักวิเคราะห์ Goldman Sachs กล่าวว่า S&P 500 EPS จะลดลงอยู่ที่ 9% เมื่อเทียบปีต่อปีจาหยอดขายที่ทรงตัวและอัตรากำไรที่ลดลง
ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ ซึ่งคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2564 อยู่ที่ 3.1% โดยมีการผ่อนคลายหลักอยู่ที่ 5.0%.
ธนาคารกลางสหรัฐมีแนวโน้มที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปลายเดือนนี้ แต่ดัชนี CPI ที่อ่อนแออาจช่วยลดความเสี่ยงของการเคลื่อนไหวต่อไปในเดือนกันยายนนี้
ฟิวเจอร์สในปัจจุบันวางโอกาสอยู่ที่ราว 90% ที่จะมีการขึ้นดอกเบี้ยเป็น 5.25-5.5% ในเดือนนี้ และมีโอกาส 24% ที่จะมีการเคลื่อนไหวในเดือนกันยายน
ความเสี่ยงของอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่สูงขึ้นเป็นเวลานานทำให้เกิดความหายนะในตลาดตราสารหนี้ โดยอัตราผลตอบแทน 10 ปีของสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้น 23 เบสิพพอยต์ในสัปดาห์ที่แล้ว. เยอรมันให้ผลตอบแทน 24 เบซิพอยต์ และสหราชอาณาจักรให้ผลตอบแทน 26 เบซิพอยต์.
ดอลลาร์แข็งค่าสูงขึ้นในวันจันทร์ที่ผ่านมา 142.46 เยน หลังจากร่วงลงอยู่ที่ 1.3% ในวันศุกร์ ขณะที่ยูโรทรงตัวที่ 156.18 เยน สกุลเงินยูโร/ดอลลาร์ที่ 1.0960 ดอลลาร์.
แหล่งข่าว Asian share markets edged cautiously โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand
