adminthailand1
Administrator
Trading on Binance platform via Unsplash การระดมทุนผ่านเหรียญดิจิทัล หรือ ICO คือ อะไร? น่าลงทุนแค่ไหน มาดูคำอธิบายแบบเข้าใจง่ายกันเชื่อว่า ใครๆ ก็คงรู้จักกับ “สกุลเงินดิจิทัล” กันมาพอสมควรแล้วว่า คืออะไร? หลังจากที่ได้มีการปล่อยให้ขุดและเทรดกันจนได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ก็ได้เกิดรูปแบบการลงทุนผ่านเหรียญดิจิทัลมากมาย รวมถึง วิธีการลงทุนแบบ ICO ที่มักนิยมในกลุ่มของสตาร์ทอัพ เพื่อเร่งระดมทุนมาใช้กับธุรกิจ จนในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด! สำหรับใครที่ยังไม่ทราบว่า ICO คืออะไร วันนี้เราจะขอมาอธิบายฉบับเข้าใจง่ายกัน
KEY TAKEAWAYS ON ICO
- นักลงทุนที่ต้องการที่จะสร้างคริปโตฯ หรือสกุลเงินดิจิทัลใหม่สามารถระดมทุนด้วยวิธีที่เรียกว่า ICO ย่อมาจาก Initial Coin Offering ซึ่งแปลความหมายตามตัวได้ว่าเงินลงทุนเริ่มแรก คล้ายๆ กับ Initial Public Offering (IPO) แต่เป็นในรูปแบบของสกุลเงินดิจิทัล
- ในขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายรองรับ ICOs ใครอยากที่จะริเริ่มก็ได้ทั้งนั้น ซึ่งนั้นก็มากับความเสี่ยงที่จะโดนมิจฉาชีพหลอกได้ และไม่มีหน่วยงานไหนที่จะมารับผิดชอบ
- วิธีการในการริเริ่มไม่แตกต่างจากการระดมทุนในธุรกิจทั่วไป ก็คือ การนำเสนอไอเดียและชักชวนบุคคลทั่วไปหรือนักลงทุนให้มาลงทุน
ICO คืออะไร?
ICO หรือ Initial Coin Offering คือ การระดมทุนเงินของเหล่าบริษัท เพื่อนำมาใช้ภายในกิจการ แบบ Initial Investment (Initial investment คือ เงินลงทุนเริ่มแรก) โดยแลกกับการออกเหรียญดิจิทัล หรือ Token (สร้างจาก Ethereum เป็นพื้นฐาน แล้วนำไปต่อยอดให้เป็นเหรียญที่ผู้ผลิตต้องการ) ให้แก่ผู้สนับสนุนตามสัดส่วนที่ได้ให้แก่กิจการนั้น หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่า มีรูปแบบบางอย่างคล้ายกับ IPO คือ ผู้ประกอบการจะนำเสนอไอเดีย หากนักลงทุนรายไหนสนใจ ดูแนวโน้มแล้วมีความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จและสร้างกำไรในอนาคตได้ ก็จะสนับสนุน ด้วยการให้เงินแก่บริษัทนั้น หลังจากนั้นจะมีการออกเหรียญดิจิทัลให้ถือ เมื่อราคาเหรียญสูงขึ้นจนได้กำไรที่พอใจอาจจะขายออกก็ได้
ICO Token คืออะไร? ต่างจาก IPO อย่างไร?
ปกติแล้ว IPO จะเป็นการระดมทุน โดยนำเงินของผู้สนับสนุนมาแลกกับหุ้นใหม่ที่พึ่งวางขายเป็นครั้งแรก จำหน่ายตามขั้นตอนผ่านผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และก.ล.ต. อีกทั้งมีเงื่อนไขเกี่ยวกับเรื่องทุนจดทะเบียน และกำไรก่อนเข้าในตลาด 2-3 ปี
เมื่อเทียบกับรูปแบบ ICO คือ แม้ ICO จะมีลักษณะในการระดมทุน และแลกเปลี่ยนกับอะไรบางอย่างที่บริษัทจัดหามาให้ เช่น ผลตอบแทน สิทธิในการซื้อสินค้าหรือบริการโดยใช้เหรียญดิจิทัลนั้น สิทธิในส่วนแบ่งรายได้ แต่ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นตามกฎหมาย เป็นต้น แต่รูปแบบของ ICO จะมีความอิสระมากกว่า ทั้งในเรื่อง ไม่ต้องผ่านองค์กรต่างๆ และตลาดหลักทรัพย์, ไม่มีเงื่อนไขใดๆ แม้แต่ธุรกิจสตาร์ทอัพเปิดใหม่ก็สามารถเข้าร่วมขอระดมทุนได้ มีเพียงการตกลงกันแบบอัตโนมัติใน Smart Contracts และไม่ใช่หุ้นส่วนใดๆ ในธุรกิจ อีกทั้งต้องพิจารณาความน่าเชื่อถือและความเป็นไปได้ของโครงการย่างถี่ถ้วน เพราะถ้าโครงการไปไม่รอด หรือโกง เงินคุณที่ลงทุนไปก็เท่ากับศูนย์!
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: ก.ล.ต.ยันเป็นธรรมห้ามเทรด 4 โทเคน
ความน่าลงทุนของ ICO
ถามว่า ICO น่าลงทุนไหม? คำตอบคือ น่าสนใจไม่น้อย เพราะคุณจะได้เห็นไอเดียใหม่ๆ ที่น่าสนใจ แต่เจ้าของไอเดียอาจจะไม่มีเงินทุน และมีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดด หากโปรเจกต์ที่เขานำเสนอโดนใจใครหลายคน เหรียญดิจิทัลที่คุณถือก็จะได้รับความสนใจและมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามไปด้วย สำคัญคือ คุณควรศึกษาผู้เสนอโครงการและรายละเอียดต่างๆ ให้ดี วิเคราะห์ White Paper ของสกุลเงินดิจิทัลนั้นว่า ปลอดภัยหรือไม่? รวมถึงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เน้นเลือกที่ปลอดภัยและโอกาสเป็นไปได้สูงจะดีมาก (แม้แต่โครงการที่รับประกันผลการเติบโต ก็อย่าพึ่งเชื่อเด็ดขาด!) เพราะประเทศไทยเองยังไม่มีกฎหมายและหน่วยงานมาควบคุมการลงทุนรูปแบบนี้ การแบกรับความเสี่ยงด้วยตัวเองจึงเป็น 100% เลยล่ะ
ส่งท้าย
สำหรับใครที่อ่านบทความนี้แล้วรู้สึกว่า การลงทุนแบบ ICO ตอบโจทย์ตัวเอง และรับความเสี่ยงได้ อาจลองเริ่มต้นศึกษารายละเอียด ICO แต่ละตัวอย่างจริงจัง แล้วแบ่งเงินทุนซักเล็กน้อยไปลงทุนตัวที่สนใจ เท่าที่ตัวเองรับได้ไหว ในกรณีที่แย่ที่สุด คือ โปรเจกต์ล่มกลายเป็นศูนย์ (แต่ในกรณีที่รุ่ง ก็อาจจะทำกำไรได้กลับมาเป็นกองเลยทีเดียว) นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนผ่านโทเคนดิจิทัลรูปแบบใหม่ที่มาอุดจุดด้อยบางประการของ ICO ด้วย อย่าง STO และ IEO
ถ้ามีเวลา เราก็จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักการลงทุน โทเคนดิจิทัลรูปแบบอื่นเพิ่มเติมกันอีกครั้ง หากบทความนี้เป็นประโยชน์ อย่าลืมติดตามช่องทางของเราตามที่ท่านสะดวก เพื่อเป็นกำลังใจและไม่ให้พลาดบทความใหม่ๆ กัน!
