Slippage เกิดขึ้นเมื่อราคาคำสั่งซื้อแตกต่างจากราคาที่ผู้ซื้อขายร้องขอ ความแตกต่างระหว่างราคาซื้อขายที่คาดไว้กับราคาที่แท้จริงนี้เรียกว่า slippage
Slippage ไม่ใช่สิ่งไม่ดีเสมอไป เพราะความแตกต่างระหว่างราคาที่คาดไว้กับราคาที่แท้จริงของคำสั่งซื้อขายสมบูรณ์ก็เป็น slippage เช่นกัน การที่ราคาตลาดเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วก่อให้เกิด slippage เพราะการประมวลคำสั่งซื้อขายกับเวลาตอนที่การซื้อขายเสร็จสิ้นเกิดคนละเวลากัน
Slippage เกิดขึ้นช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง เช่น ช่วงที่มีข่าวด่วนหรือมีการเผยแพร่ข้อมูลทางเศรษฐกิจ
ในช่วงที่ตลาด Forex มีสภาพปกตินั้น คู่สกุลเงินหลักมักจะมีแนวโน้มเกิด slippage น้อย เพราะมีสภาพคล่องสูง
ตัวอย่างของคู่สกุลเงินหลักคือ EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY, USD/CAD, AUD/USD, และ NZD/USD
คุณป้องกันไม่ให้ slippage เกิดขึ้นได้โดยจำกัดปริมาณการสั่งซื้อขายและหลีกเลี่ยงการสั่งซื้อจากตลาด
ตัวอย่างของ slippage
หากคุณกำลังซื้อคู่สกุลเงิน EUR/USD ที่ราคา 1.1050 บนแพลตฟอร์มของคุณจะมีตัวเลข 1.1050 จากนั้นให้กดปุ่ม “ซื้อ” ดังนั้นแล้ว ตัวเลข 1.1050 เป็นราคาที่คุณต้องการซื้อหรือต้องการให้การซื้อเสร็จสมบูรณ์
ความแตกต่างระหว่างราคาที่คุณต้องการและราคาที่แท้จริงในการสั่งซื้อให้เสร็จสมบูรณ์นี้จะให้ผลลัพธ์สามอย่างคือ ไม่มี slippage ; slippage แบบบวก และ slippage แบบลบ
ตลาดประกอบด้วยผู้ซื้อและผู้ขาย สำหรับผู้ขายทุกๆ คนที่ต้องการขายในราคาและปริมาณรวมถึงคุณภาพที่เฉพาะเจาะจง ตลาดต้องมีผู้ซื้อในจำนวนที่เท่ากันที่ต้องการซื้อสินค้าในปริมาณรวมถึงคุณภาพและราคาที่เฉพาะเจาะจงนั้น หากไม่มีผู้ซื้อเช่นนี้ตลาดก็จะไม่มีความสมดุลระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งทำให้ราคามีความผันผวนและปรับตัวสูงขึ้นหรือต่ำลง
ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการซื้อ EUR/USD ที่ราคา 1.1050 แต่ไม่มีจำนวนผู้คนมากพอที่ต้องการซื้อเงินยูโรที่ราคา 1.1050 เช่นนี้แล้ว คุณต้องมองหาราคาที่ดีที่สุด ณ ขณะนั้น โดยเป็นราคาที่สูงกว่าเท่านั้น (เพราะไม่มีผู้ขายที่ราคา 1.1050) ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ทำให้เกิด slippage แบบลบ
เป็นต้นว่า หากการสั่งซื้อขายของคุณสำเร็จที่ราคา 1.1053 คุณจะเจอกับ slippage แบบลบปริมาณ 3 pips
ในทางกลับกัน หากมีผู้ขายจำนวนมากที่ต้องการขายเงินยูโร คุณอาจจะเจอผู้ขายที่ยินดีขายเงินยูโรที่ราคาต่ำกว่า 1.1050 เช่นที่ราคา1.1048 หากการสั่งซื้อขายของคุณสำเร็จ คุณจะสามารถซื้อ EUR/USD ได้ที่ราคาที่ต่ำกว่าที่คุณต้องการ 2 pips ซึ่งนี่ก็คือ slippage แบบบวก
หากคุณซื้อ EUR/USD ที่ราคา 1.1050 และมีคำสั่ง stop loss ที่ราคา 1.103 และทันใดนั้นมนุษย์ต่างดาวบุกยุโรป ทำให้ EUR/USD ตกลง ซึ่งจะกระทบคำสั่ง stop loss ของคุณ แต่ปรากฏว่าคำสั่งซื้อของคุณสำเร็จที่ราคา 1.0930 นั่นคือคุณมี slippage แบบลบปริมาณ 100 pips
ข้อมูลจาก Tradersthailand
Slippage ไม่ใช่สิ่งไม่ดีเสมอไป เพราะความแตกต่างระหว่างราคาที่คาดไว้กับราคาที่แท้จริงของคำสั่งซื้อขายสมบูรณ์ก็เป็น slippage เช่นกัน การที่ราคาตลาดเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วก่อให้เกิด slippage เพราะการประมวลคำสั่งซื้อขายกับเวลาตอนที่การซื้อขายเสร็จสิ้นเกิดคนละเวลากัน
Slippage เกิดขึ้นช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง เช่น ช่วงที่มีข่าวด่วนหรือมีการเผยแพร่ข้อมูลทางเศรษฐกิจ
ในช่วงที่ตลาด Forex มีสภาพปกตินั้น คู่สกุลเงินหลักมักจะมีแนวโน้มเกิด slippage น้อย เพราะมีสภาพคล่องสูง
ตัวอย่างของคู่สกุลเงินหลักคือ EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY, USD/CAD, AUD/USD, และ NZD/USD
คุณป้องกันไม่ให้ slippage เกิดขึ้นได้โดยจำกัดปริมาณการสั่งซื้อขายและหลีกเลี่ยงการสั่งซื้อจากตลาด
ตัวอย่างของ slippage
หากคุณกำลังซื้อคู่สกุลเงิน EUR/USD ที่ราคา 1.1050 บนแพลตฟอร์มของคุณจะมีตัวเลข 1.1050 จากนั้นให้กดปุ่ม “ซื้อ” ดังนั้นแล้ว ตัวเลข 1.1050 เป็นราคาที่คุณต้องการซื้อหรือต้องการให้การซื้อเสร็จสมบูรณ์
ความแตกต่างระหว่างราคาที่คุณต้องการและราคาที่แท้จริงในการสั่งซื้อให้เสร็จสมบูรณ์นี้จะให้ผลลัพธ์สามอย่างคือ ไม่มี slippage ; slippage แบบบวก และ slippage แบบลบ
- การที่ไม่มี slippage คือ หลังจากส่งคำสั่งซื้อขายไปแล้วและราคาที่ดีที่สุด ณ ขณะนั้นคือ 1.1050 (เท่ากับราคาที่คุณต้องการพอดี) การซื้อขายจะมีราคาอยู่ที่ 1.1050
- การที่ slippage เป็นบวก หมายถึง หลังจากส่งคำสั่งซื้อขายไปแล้วและราคาที่ดีที่สุด ณ ขณะนั้นเปลี่ยนไปที่ 1.1045 (ต่ำกว่าราคาที่คุณขอไว้ 5 pips) การซื้อขายจะมีราคาอยู่ที่ 1.1045
- การที่ slippage เป็นลบ หมายถึง หลังจากส่งคำสั่งซื้อขายไปแล้วและราคาที่ดีที่สุด ณ ขณะนั้นเปลี่ยนไปที่ 1.1057 (สูงกว่าราคาที่คุณขอไว้ 7 pips) การซื้อขายจะมีราคาอยู่ที่ 1.1057
ตลาดประกอบด้วยผู้ซื้อและผู้ขาย สำหรับผู้ขายทุกๆ คนที่ต้องการขายในราคาและปริมาณรวมถึงคุณภาพที่เฉพาะเจาะจง ตลาดต้องมีผู้ซื้อในจำนวนที่เท่ากันที่ต้องการซื้อสินค้าในปริมาณรวมถึงคุณภาพและราคาที่เฉพาะเจาะจงนั้น หากไม่มีผู้ซื้อเช่นนี้ตลาดก็จะไม่มีความสมดุลระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งทำให้ราคามีความผันผวนและปรับตัวสูงขึ้นหรือต่ำลง
ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการซื้อ EUR/USD ที่ราคา 1.1050 แต่ไม่มีจำนวนผู้คนมากพอที่ต้องการซื้อเงินยูโรที่ราคา 1.1050 เช่นนี้แล้ว คุณต้องมองหาราคาที่ดีที่สุด ณ ขณะนั้น โดยเป็นราคาที่สูงกว่าเท่านั้น (เพราะไม่มีผู้ขายที่ราคา 1.1050) ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ทำให้เกิด slippage แบบลบ
เป็นต้นว่า หากการสั่งซื้อขายของคุณสำเร็จที่ราคา 1.1053 คุณจะเจอกับ slippage แบบลบปริมาณ 3 pips
ในทางกลับกัน หากมีผู้ขายจำนวนมากที่ต้องการขายเงินยูโร คุณอาจจะเจอผู้ขายที่ยินดีขายเงินยูโรที่ราคาต่ำกว่า 1.1050 เช่นที่ราคา1.1048 หากการสั่งซื้อขายของคุณสำเร็จ คุณจะสามารถซื้อ EUR/USD ได้ที่ราคาที่ต่ำกว่าที่คุณต้องการ 2 pips ซึ่งนี่ก็คือ slippage แบบบวก
หากคุณซื้อ EUR/USD ที่ราคา 1.1050 และมีคำสั่ง stop loss ที่ราคา 1.103 และทันใดนั้นมนุษย์ต่างดาวบุกยุโรป ทำให้ EUR/USD ตกลง ซึ่งจะกระทบคำสั่ง stop loss ของคุณ แต่ปรากฏว่าคำสั่งซื้อของคุณสำเร็จที่ราคา 1.0930 นั่นคือคุณมี slippage แบบลบปริมาณ 100 pips
ข้อมูลจาก Tradersthailand
Last edited:
