ทำความรู้จักแพลตฟอร์มที่เข้ามาปฏิวัติวงการธนาคาร "TechFin" คืออะไร? มีความแตกต่างจาก FinTech อย่างไรบ้าง? รวมถึง TechFin จะแทนเข้าที่ธนาคารได้หรือไม่?
“TechFin ไม่ใช่ FinTech” อย่างที่เราทราบกันดีว่า FinTech หมายถึงการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้หรือสนับสนุนการให้บริการทางการเงิน อย่างไรก็ดี ไม่กี่ปีที่ผ่านมา TechFin ถือเป็นรูปแบบการให้บริการทางการเงินแบบใหม่ที่น่าจับตามอง
TechFin คืออะไร บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยี ต้องการขยายบริการให้ครอบคลุมบริการทางการเงินบนแพลตฟอร์ม อย่างเช่น Facebook, Amazon, Apple, Grab, Alibaba และ Tencent ที่เดิมทีไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการทำธุรกิจเกี่ยวกับการเงินเป็นหลัก แต่เป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการ Social media หรือ e-marketplace มาก่อน
อย่างไรก็ดี TechFin มีลักษณะของการให้บริการแบบ “รวมศูนย์อยู่บนแพลตฟอร์ม” จากผู้ให้บริการแพลตฟอร์มที่อาจไม่ได้เป็นทั้ง Bank และ Non-Bank แต่ด้วยแพลตฟอร์มที่ตนมีอยู่ทำให้มีข้อมูลของผู้ใช้บริการจำนวนมาก ผ่านกิจกรรมที่หลากหลายในโลกออกไลน์ ซึ่งมากพอที่จะทำธุรกิจทางการเงินได้ไม่ยากนัก
ยกตัวอย่าง Grab ที่เริ่มต้นจากการเป็นแอพที่ให้บริการด้านการขนส่งผู้โดยสาร ต่อมาพัฒนาไปสู่การทำธุรกิจโลจิสติกส์และบริการต่างๆ อีกมากมาย รวมไปถึงการให้บริการ e-Wallet ที่เชื่อมโยงกับธนาคารทั่วโลก และการสร้างความร่วมมือในรูปแบบ JV กับกลุ่มธุรกิจทางการเงิน เช่น Grab ทำ JV กับ ZhongAn เพื่อทำ Digital Insurance Marketplace และทำ JV กับ Credit Saison เพื่อปล่อยสินเชื่อรายย่อย
ในเชิงธุรกิจ ข้อมูลของผู้บริโภคในการใช้บริการทางการเงินบนแอพต่างๆ ของ Ant ถือเป็น Valuable Resource หรือทรัพยากรอันมีค่าที่สร้างจุดแข็งให้กับธุรกิจ ซึ่ง Ant ได้นำข้อมูลทั้งหมดที่เก็บได้จากแพลตฟอร์มไปสร้างเป็นธุรกิจ Credit rating service ในนาม Sesame Credit ซึ่งเป็นแอพที่สามารถคำนวณ Credit Scoring ให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถตอบโจทย์ให้กับ Huabei ผู้ให้บริการเงินกู้ผ่าน Alipay ได้อย่างแม่นยำ
ความเติบโตที่เล่ามาในข้างต้นเป็นที่มาของการที่ Ant เตรียมตัวเปิดขาย IPO ที่ฮ่องกงในอีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้าในมูลค่าที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ (30,000 ล้านดอลลาร์) เป็นการตอกย้ำความสำคัญของ “ข้อมูล” ที่เป็นทรัพยากรที่มีค่า แซงหน้า “น้ำมัน” ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็น Valuable Resource ในอดีต และนี่คือตัวอย่าง TechFin ที่เติบโตมากที่สุดในเวลานี้
ประเด็นแรก Privacy แลกกับ Financial Services กล่าวคือในเมื่อจุดแข็งของธุรกิจ TechFin คือข้อมูลที่หลากหลาย เมื่อเราเข้าใช้บริการแพลตฟอร์มเหล่านั้น ข้อมูลการใช้บริการจะถูกจดบันทึกไว้เพื่อประมวลผลในอนาคต หากประวัติการใช้ไม่ดี ผลที่ตามมาคืออุปสรรคในการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างหนึ่งได้
จึงเท่ากับว่าผู้บริโภคในยุคนี้ถูกเก็บข้อมูลในเชิงพฤติกรรมในแบบที่อาจไม่รู้ตัวจากการเข้าใช้บริการออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ และแม้กฎหมายข้อมูลส่วนบุคคลทั่วโลกกำลังเริ่มต้นพัฒนาเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค แต่การให้ความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) ในยุค digital finance ก็สำคัญไม่แพ้กัน
ประเด็นที่สอง TechFin จะแทนที่ธนาคารได้หรือไม่? สำหรับผู้เขียนมองว่ามีหลายปัจจัย ปัจจัยแรก ผู้เขียนเชื่อว่า Traditional Banks ต้องปรับตัว เทรนด์ที่เราจะได้เห็นต่อไปในอนาคต คือการให้บริการทางการเงินที่หลากหลายของกลุ่มธุรกิจการเงิน เช่น แพลตฟอร์ม Yandex ผู้ให้บริการ Web-search ในรัสเซีย มีโครงการที่เข้าซื้อธุรกิจ digital bank และ SherBank ได้รีแบรนด์โดยตัดคำว่า Bank ออก เพื่อเพิ่มการให้บริการส่งอาหาร และให้บริการ Telemedicine
ดังนั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่ธนาคารไม่อาจเลี่ยงได้คือ “การแข่งขันสูง ดอกเบี้ยต่ำ” ซึ่งจะมีผลต่อ Lending margin และการความเสี่ยงที่ “การชำระเงิน และการบริการต่างๆ ที่ไม่ใช่ core tasks” จะมีผู้เล่นในตลาดเพิ่มมากขึ้น
ปัจจัยที่สอง ธุรกรรมบน TechFin เน้นตอบโจทย์การให้บริการลูกค้าบุคคลมากกว่าองค์กร เนื่องจากแพลตฟอร์มส่วนใหญ่ในปัจจุบันเก็บพฤติกรรมผู้บริโภคออนไลน์ ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดามากกว่าองค์กร ดังนั้น จะเห็นได้ว่า แพลตฟอร์มจึงเน้นให้บริการ Microfinance เป็นหลัก
ปัจจัยที่สาม คือ TechFin จะเติบโตได้มากแค่ไหน ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับหน่วยงานกำกับดูแล กล่าวคือการประกอบธุรกิจทางการเงินในรูปแบบต่างๆ เป็นกิจการที่ต้องได้รับอนุญาตจากทางการ ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับ Regulator เป็นสำคัญว่าจะกำกับดูแลอย่างไร จะปล่อยให้มีการแข่งขัน หรือจะตั้ง barrier ไว้ ย่อมเป็นไปตามความเหมาะสมของสภาพเศรษฐกิจและสังคมของแต่ละประเทศ
ท้ายที่สุดผู้เขียนเชื่อว่าหน่วยงานกำกับดูแลและกฎหมายที่เกี่ยวข้องจะเป็นกลไกที่สำคัญที่สุดในการเลือกจุดสมดุลที่เหมาะสมของธุรกิจ TechFin และ Traditional Banks ในอนาคต
(บทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน)
แหล่งข่าว Bangkokbiznews
“TechFin ไม่ใช่ FinTech” อย่างที่เราทราบกันดีว่า FinTech หมายถึงการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้หรือสนับสนุนการให้บริการทางการเงิน อย่างไรก็ดี ไม่กี่ปีที่ผ่านมา TechFin ถือเป็นรูปแบบการให้บริการทางการเงินแบบใหม่ที่น่าจับตามอง
TechFin คืออะไร บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยี ต้องการขยายบริการให้ครอบคลุมบริการทางการเงินบนแพลตฟอร์ม อย่างเช่น Facebook, Amazon, Apple, Grab, Alibaba และ Tencent ที่เดิมทีไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการทำธุรกิจเกี่ยวกับการเงินเป็นหลัก แต่เป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการ Social media หรือ e-marketplace มาก่อน
- ความแตกต่างระหว่าง FinTech กับ TechFin
อย่างไรก็ดี TechFin มีลักษณะของการให้บริการแบบ “รวมศูนย์อยู่บนแพลตฟอร์ม” จากผู้ให้บริการแพลตฟอร์มที่อาจไม่ได้เป็นทั้ง Bank และ Non-Bank แต่ด้วยแพลตฟอร์มที่ตนมีอยู่ทำให้มีข้อมูลของผู้ใช้บริการจำนวนมาก ผ่านกิจกรรมที่หลากหลายในโลกออกไลน์ ซึ่งมากพอที่จะทำธุรกิจทางการเงินได้ไม่ยากนัก
- TechFin การเงินแบบรวมศูนย์
ยกตัวอย่าง Grab ที่เริ่มต้นจากการเป็นแอพที่ให้บริการด้านการขนส่งผู้โดยสาร ต่อมาพัฒนาไปสู่การทำธุรกิจโลจิสติกส์และบริการต่างๆ อีกมากมาย รวมไปถึงการให้บริการ e-Wallet ที่เชื่อมโยงกับธนาคารทั่วโลก และการสร้างความร่วมมือในรูปแบบ JV กับกลุ่มธุรกิจทางการเงิน เช่น Grab ทำ JV กับ ZhongAn เพื่อทำ Digital Insurance Marketplace และทำ JV กับ Credit Saison เพื่อปล่อยสินเชื่อรายย่อย
- Ant Group ตัวอย่าง TechFin เจ้าใหญ่ของโลก
ในเชิงธุรกิจ ข้อมูลของผู้บริโภคในการใช้บริการทางการเงินบนแอพต่างๆ ของ Ant ถือเป็น Valuable Resource หรือทรัพยากรอันมีค่าที่สร้างจุดแข็งให้กับธุรกิจ ซึ่ง Ant ได้นำข้อมูลทั้งหมดที่เก็บได้จากแพลตฟอร์มไปสร้างเป็นธุรกิจ Credit rating service ในนาม Sesame Credit ซึ่งเป็นแอพที่สามารถคำนวณ Credit Scoring ให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถตอบโจทย์ให้กับ Huabei ผู้ให้บริการเงินกู้ผ่าน Alipay ได้อย่างแม่นยำ
ความเติบโตที่เล่ามาในข้างต้นเป็นที่มาของการที่ Ant เตรียมตัวเปิดขาย IPO ที่ฮ่องกงในอีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้าในมูลค่าที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ (30,000 ล้านดอลลาร์) เป็นการตอกย้ำความสำคัญของ “ข้อมูล” ที่เป็นทรัพยากรที่มีค่า แซงหน้า “น้ำมัน” ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็น Valuable Resource ในอดีต และนี่คือตัวอย่าง TechFin ที่เติบโตมากที่สุดในเวลานี้
- อนาคตของ TechFin
ประเด็นแรก Privacy แลกกับ Financial Services กล่าวคือในเมื่อจุดแข็งของธุรกิจ TechFin คือข้อมูลที่หลากหลาย เมื่อเราเข้าใช้บริการแพลตฟอร์มเหล่านั้น ข้อมูลการใช้บริการจะถูกจดบันทึกไว้เพื่อประมวลผลในอนาคต หากประวัติการใช้ไม่ดี ผลที่ตามมาคืออุปสรรคในการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างหนึ่งได้
จึงเท่ากับว่าผู้บริโภคในยุคนี้ถูกเก็บข้อมูลในเชิงพฤติกรรมในแบบที่อาจไม่รู้ตัวจากการเข้าใช้บริการออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ และแม้กฎหมายข้อมูลส่วนบุคคลทั่วโลกกำลังเริ่มต้นพัฒนาเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค แต่การให้ความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) ในยุค digital finance ก็สำคัญไม่แพ้กัน
ประเด็นที่สอง TechFin จะแทนที่ธนาคารได้หรือไม่? สำหรับผู้เขียนมองว่ามีหลายปัจจัย ปัจจัยแรก ผู้เขียนเชื่อว่า Traditional Banks ต้องปรับตัว เทรนด์ที่เราจะได้เห็นต่อไปในอนาคต คือการให้บริการทางการเงินที่หลากหลายของกลุ่มธุรกิจการเงิน เช่น แพลตฟอร์ม Yandex ผู้ให้บริการ Web-search ในรัสเซีย มีโครงการที่เข้าซื้อธุรกิจ digital bank และ SherBank ได้รีแบรนด์โดยตัดคำว่า Bank ออก เพื่อเพิ่มการให้บริการส่งอาหาร และให้บริการ Telemedicine
ดังนั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่ธนาคารไม่อาจเลี่ยงได้คือ “การแข่งขันสูง ดอกเบี้ยต่ำ” ซึ่งจะมีผลต่อ Lending margin และการความเสี่ยงที่ “การชำระเงิน และการบริการต่างๆ ที่ไม่ใช่ core tasks” จะมีผู้เล่นในตลาดเพิ่มมากขึ้น
ปัจจัยที่สอง ธุรกรรมบน TechFin เน้นตอบโจทย์การให้บริการลูกค้าบุคคลมากกว่าองค์กร เนื่องจากแพลตฟอร์มส่วนใหญ่ในปัจจุบันเก็บพฤติกรรมผู้บริโภคออนไลน์ ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดามากกว่าองค์กร ดังนั้น จะเห็นได้ว่า แพลตฟอร์มจึงเน้นให้บริการ Microfinance เป็นหลัก
ปัจจัยที่สาม คือ TechFin จะเติบโตได้มากแค่ไหน ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับหน่วยงานกำกับดูแล กล่าวคือการประกอบธุรกิจทางการเงินในรูปแบบต่างๆ เป็นกิจการที่ต้องได้รับอนุญาตจากทางการ ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับ Regulator เป็นสำคัญว่าจะกำกับดูแลอย่างไร จะปล่อยให้มีการแข่งขัน หรือจะตั้ง barrier ไว้ ย่อมเป็นไปตามความเหมาะสมของสภาพเศรษฐกิจและสังคมของแต่ละประเทศ
ท้ายที่สุดผู้เขียนเชื่อว่าหน่วยงานกำกับดูแลและกฎหมายที่เกี่ยวข้องจะเป็นกลไกที่สำคัญที่สุดในการเลือกจุดสมดุลที่เหมาะสมของธุรกิจ TechFin และ Traditional Banks ในอนาคต
(บทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน)
แหล่งข่าว Bangkokbiznews
Attachments
-
622.1 KB Views: 0